ยาแนวคืออะไร มีกี่ประเภท
การซ่อมแซมบ้าน หรืออาคารต่างๆ ปัญหาที่พบบ่อยมักจะเป็นเรื่องของการรั่วซึม ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างหลังคา วงกบประตู และรอยต่อภายในบ้าน เป็นต้น คนส่วนใหญ่จะใช้วัสดุอุดซ่อมแซม หรือที่เรียกรวมๆ ว่า “ยาแนว”
หากพูดถึง “ยาแนว” สำหรับมือใหม่ อาจต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนว่า ยาแนวแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ กาวซิลิโคน กาวอะคริลิค และ โพรียูริเทน (PU) โดยแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
กาวซิลิโคน
แบ่งย่อยเป็นอีก 2 ชนิด
- ซิลิโคนแบบมีกรด (Acetic Cure Silicone) จะมีลักษณะเฉพาะตัว ระหว่างใช้งานจะมีกลิ่นคล้ายน้ำส้มสายชู อันเกิดจากส่วนผสมของสารระเหย ส่งผลให้แห้งเร็ว และมีความแข็งแรงสูง ทนต่อรังสี UV มีความยืดหยุ่นกำลังดี แต่ไม่เหมาะสำหรับวัสดุที่มีพื้นผิวเซรามิก โลหะ และหิน เนื่องจากกาวซิลิโคนมีฤทธิ์กัดกร่อนพื้นผิวดังกล่าว
- ซิลิโคนแบบไร้กรด (Neutral Cure Silicone) จะไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนวัสดุ มีความยืดหยุ่นสูง แต่จะแห้งช้ากว่า และไม่ค่อยมีกลิ่นเหม็น เหมาะสำหรับใช้กับวัสดุพื้นผิวเซรามิก โลหะ และหิน
กาวอะคริลิค
เป็นกาวชนิดส่วนประกอบเดียว ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย ดังนั้นจึงเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถทาสีทับได้ เมื่อแห้งตัวสมบูรณ์จะทนต่อสภาพภูมิอากาศ รังสียูวี น้ำ และสารเคมี แต่จะด้อยกว่าซิลิโคน ส่วนใหญ่ใช้กับงานตกแต่งภายในบ้าน
โพรียูริเทน (PU)
เป็นกาวยาแนวคุณภาพสูง เหมาะสำหรับงานอุดทั้งภายในและภายนอก มีความยืดหยุ่นสูงมาก ทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถทาสีทับได้ แต่มีราคาค่อนข้างแพง ส่วนใหญ่ช่างจะใช้โพรียูริเทน สำหรับซ่อมแซมงานใหญ่ที่มีความจำเป็น เช่น ผนังแตกเป็นวงกว้าง เป็นต้น
การเลือกใช้ “ยาแนว” แต่ละประเภทให้ถูกกับลักษณะของงาน จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ และยังทำให้งานออกมาเรียบร้อย มีคุณภาพอีกด้วย